สารบัญ

สินเชื่อทางโทรศัพท์จากธนาคารคืออะไร?
โทรขอสินเชื่อ(เรียกกันทั่วไปว่า "แจ้งการกู้ยืมเงิน"หรือ"สินเชื่อระยะสั้น“สินเชื่อแบบเรียกชำระคืน” หมายความว่า ธนาคารสามารถเรียกร้องให้ผู้กู้ชำระคืนสินเชื่อทั้งหมดหรือบางส่วนได้ทันทีเมื่อใดก็ได้ตามเงื่อนไขของสัญญาหรือสภาวะตลาด (นั่นคือ “สินเชื่อแบบเรียกชำระคืน”) มักพบเห็นได้ทั่วไปในกิจกรรมหมุนเวียนขององค์กร การจัดหาเงินทุนด้วยหลักทรัพย์ (เช่น การจำนำหุ้น) หรือการให้กู้ยืมระหว่างธนาคารระหว่างสถาบันการเงิน
4 สถานการณ์ทั่วไปที่มักทำให้ธนาคารต้องเรียกสินเชื่อ
- มูลค่าหลักประกันลดลง
- ตัวอย่าง:ผู้กู้ใช้สินทรัพย์ เช่น หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ เป็นหลักประกัน หากความผันผวนของตลาดทำให้มูลค่าตลาดของหลักประกันลดลงอย่างมาก (เช่น ราคาหุ้นตกอย่างรวดเร็วหรือตลาดที่อยู่อาศัยพังทลาย) ธนาคารอาจเสนอสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยง
- สถานการณ์ทั่วไปเมื่อตลาดหุ้นตกอย่างรวดเร็ว บริษัทหลักทรัพย์หรือผู้ลงทุนที่ใช้การจำนำหุ้นเพื่อการจัดหาเงินทุนอาจต้องเติมเงินหลักประกันหรือชำระคืนเงินกู้
- การเสื่อมลงของเครดิตเรตติ้งของผู้กู้
- หากธนาคารประเมินว่าความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ลดลง (เช่น การสูญเสียทางธุรกิจ หรืออัตราหนี้ส่วนบุคคลที่มากเกินไป) สินเชื่ออาจถูกเรียกคืนก่อนกำหนด
- การกระชับสภาพคล่องของตลาด
- เมื่อความเสี่ยงเชิงระบบเกิดขึ้นในตลาดการเงิน (เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรืออัตราดอกเบี้ยพุ่งสูง) ธนาคารอาจเรียกคืนสินเชื่อระยะสั้นเป็นจำนวนมากเพื่อรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนของตนเอง
- การละเมิดเงื่อนไขสัญญากู้ยืมเงิน
- ตัวอย่างเช่น การไม่ชำระดอกเบี้ยตรงเวลา การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของหลักประกันโดยไม่ได้รับอนุญาต หรืออัตราส่วนทางการเงิน (เช่น อัตราส่วนหนี้ อัตราส่วนปัจจุบัน) ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ตกลงกันไว้
จะป้องกันไม่ให้ธนาคารเรียกสินเชื่อได้อย่างไร?
1. จัดการหลักประกันอย่างระมัดระวัง
- หลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของหลักประกันที่มากเกินไป (เช่น หุ้นตัวเดียวหรืออสังหาริมทรัพย์) ตรวจสอบมูลค่าตลาดเป็นประจำ และสำรองพื้นที่กันชน (เช่น รักษาอัตราสินเชื่อจำนองที่ 50% แทนที่จะเป็น 70%)
- การรับมือกับความเสื่อมถอย:เตรียมเงินสดหรือสินทรัพย์สภาพคล่องอื่นๆ ไว้ล่วงหน้า และเติมมูลค่าของหลักประกันเมื่อจำเป็น
2. รักษาสถานะการเงินให้แข็งแรง
- องค์กรหรือบุคคลจำเป็นต้องควบคุมอัตราหนี้สินและให้แน่ใจว่ากระแสเงินสดเพียงพอที่จะรับมือกับความต้องการชำระหนี้ที่ไม่คาดคิด
- คำแนะนำ:สำรองเงินฉุกเฉินไว้มากกว่า 6 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาเงินระยะสั้นมากเกินไป
3. ทำความเข้าใจเงื่อนไขการกู้ยืมอย่างละเอียด
- ยืนยันเงื่อนไข "การกระตุ้นการกู้ยืมเงิน" (เช่น เกณฑ์อัตราดอกเบี้ยจำนอง ตัวชี้วัดทางการเงิน) ก่อนลงนามในสัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระเนื่องจากความประมาทเลินเล่อ
- สังเกต:ธนาคารบางแห่งอาจปกปิดเงื่อนไขที่เข้มงวด (เช่น "ธนาคารมีสิทธิเรียกร้องให้ชำระเงินคืนเมื่อใดก็ได้")
4. ช่องทางการเงินแบบกระจายอำนาจ
- อย่าพึ่งพาการกู้ยืมจากธนาคารเพียงแห่งเดียวมากเกินไป ควรใช้หลายวิธีในการระดมเงินทุนร่วมกัน เช่น การกู้เงินระยะยาวและการออกพันธบัตร เพื่อลดความเสี่ยงจากการถอนเงินกู้กะทันหัน
5. รักษาการติดต่อสื่อสารกับธนาคาร
- หากคุณคาดการณ์ว่าจะต้องประสบปัญหาทางการเงิน (เช่น ความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมจะถดถอย) ควรริเริ่มเจรจาเพื่อปรับแผนการชำระหนี้ของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินการฝ่ายเดียวของธนาคาร
สรุป: กุญแจสำคัญของการกู้ยืมเงินแบบ Call Loan อยู่ที่ "การคาดการณ์ความเสี่ยง"
แก่นแท้ของ Call Loan คือธนาคารโอนความเสี่ยงการวางแผนทางการเงินที่ดี-การจัดการหลักประกันและการตรวจสอบสัญญา, ลดโอกาสการได้รับคืนสินเชื่ออย่างกะทันหัน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน การสำรองพื้นที่กันชนและความสามารถในการตอบสนองที่ยืดหยุ่นถือเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงการขาดตอนของห่วงโซ่ทุน